การทำให้พื้นที่เมืองเป็นสีเขียวถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่สำคัญของการบรรเทาปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน อย่างกรณีสภาพแวดล้อมบ้านเราก็จะมีผลกระทบในเรื่องปัญหาอากาศร้อนในทุก ๆ ปี ความต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยการใช้พื้นที่ทำสวนแขวนหรือสวนแนวตั้ง ฟาร์มผักแนวตั้ง สวนระเบียง และสวนดาดฟ้า ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่ได้รับการปรับปรุงโดยสถาปนิกร่วมกับภูมิสถาปัตย์ในการออกแบบ เพื่อลดอุณหภูมิที่สูงขึ้นและสุขภาพของคนเมือง ในเชิงการออกแบบอาคารและโครงสร้างในปัจจุบัน มีการปรับรูปร่างหรือทิศทางการหันรับแสงของอาคาร โดยการใช้วัสดุป้องกันความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร เช่น การสร้างระแนงไม้เพื่อปกคลุมอาคาร หรือการใช้พรรณไม้เลื้อยปกคลุมอาคาร หรือผนังสีเขียว (Green facades) จะก่อให้เกิดสภาวะน่าสบายทางอุณหภูมิแก่ผู้ใช้อาคารที่อยู่ภายใน เสมือนเป็นแผงกันแดดที่นอกจากจะสะท้อนรังสีจากแสงอาทิตย์กลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศทั่วไปแล้ว ยังสามารถดูดซับรังสีจากแสงอาทิตย์ส่วนหนึ่ง เพื่อนำมาใช้ในการสังเคราะห์แสงและการคายน้ำ
ผนังสีเขียว เป็นวิธีให้พืชชนิดไม้เลื้อยยึดกับผนังอาคารโดยตรงจะช่วยให้ผนังอาคารไม่ทรุดโทรมเร็วจากการที่ไม้เลื้อยไต่และชอนไชไปกับผิวผนัง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้สีผนังหลุดล่อน ดังนั้น วัสดุในการทำ Green facades เพื่อให้ไม้เลื้อยได้ทรง เช่น ลวงสลิง โครงเหล็ก ลวดเอ็นโครงไม้ เป็นต้น ในการเลือกวัสดุที่ใช้ต้องคำนึงว่าเก็บความร้อนได้ดีไหม เพราะอาจทำให้ไม้เลื้อยไม่สามารถยึดกับโครงเลื้อยได้ หลาย ๆ คนคิดว่าไม้เลื้อยเหมาะสำหรับพื้นที่กลางแจ้งเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วเราสามารถปลูกทั้งในร่มและกลางแจ้งได้ (ขึ้นอยู่กับพรรณไม้ที่ปลูก) เช่น ไม้ตระกูลพลูก็จะเหมาะแก่การปลูกในอาคารมากกว่า เพราะชอบที่ชื้นและแดดส่องรำไรไม่จัดมาก
ไม้เลื้อยคลุมกำแพงคือไม้ที่สามารถเจริญเติบโตบนโครงสร้างแนวตั้งอื่น ๆ ได้ โดยทั่วไปแล้วจะมีลักษณะเป็นเถา ซึ่งจะมีหลากหลายชนิดทั้งไม้ดอกและไม้ใบ ทั้งนี้จะต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม ในชนิดที่ทนต่ออากาศร้อนได้ ข้อดีคือจะช่วยกรองแสงและลดความร้อนจากผนังสู่ตัวอาคารได้ดี ขณะที่บางชนิดก็เหมาะแก่การตกแต่งผนังเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ แล้วไม้เลื้อยน่าปลูกกับอากาศบ้านเราจะมีพรรณไหนบ้างนอกจากสร้อยอินทนิล อมรเบิกฟ้า พวงแสด 
